การใช้ปุ๋ยพืชสดเพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน |
การดำเนินงานปุ๋ยพืชสด และพืชคลุม เพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน มีเป้าหมาย 3 ประการ คือ
|
ส่งเสริมเกษตรกรให้รู้จักปรับปรุง บำรุงดิน ด้วยปุ๋ยพืชสดและพืชคลุมให้ได้ ปีละ 25,000 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณา ดำเนินการคามความเหมาะสมของแต่ละท้องที่ เช่น แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชคลุมดินให้เกษตรกร นำไปปลูกในสวนผลไม้ พืชคลุมดินจะช่วยเพิ่ม ธาตุไนโตรเจนในดิน และป้องกันวัชพืช เศษใบ และต้นของพืชที่ที่ปลูกพืชไร่หรือเป็นนาข้าว หลังเก็บเกี่ยว ดินมีความชื้นพอเหมาะที่จะปลูก พืชปุ๋ยสดเพื่อไถกลบ บำรุงดิน
|
|
2. |
สาธิตการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด และพืชคลุมให้ได้ปีละ 2,000 ไร่ โดยเลือกวิธี การให้เหมาะสมกับสภาพการผลิตในแต่ละ ท้องที่ เช่น ในสวนผลไม้จะสาธิตการใช้พืช ตระกูลถั่วปลูกคลุมดินและในไร่นา จะสาธิต การปลูกพืชปุ๋ยสดไถกลบบำรุงดิน หลังการ เก็บเกี่ยว โดยใช้เวลาปลูกประมาร 2-3 เดือน เมื่อพืชปุ๋ยสดออกดอก ก็ทำการตัดสับ และไถกลบลงไปในดิน |
3. |
ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยพืชสด และพืชคลุมโครงการ จะดำเนินการ ผลิตเมล็ดพันธุ์โดยใช้พื้นที่ภายในสถานีพัฒนาที่ดิน 7 แห่ง เพื่อแจกจ่าย ให้เกษตรกร
|
|
การใช้ปุ๋ยพืชสดเป็นปุ๋ยบำรุงดิน
ปุ๋ยพืชสดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ได้จากต้นและใบของพืชปุ๋ยสดที่ปลูกไว้ หรือขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อถึงระยะที่พืช เจริญเติบโตเต็มที่ คือเมื่อพืชเริ่มออกดอก จนถึงดอกบานเต็มที่ ก็ทำการตัดสับแล้วไถกลบ หรือไถกลบลงไปในดินทั้งต้นก็ได้ แล้วแต่ชนิด ของพืช
หลังจากทิ้งไว้จนเน่าเปื่อยผุพัง ก็จะให้ ธาตุอาหารพืช และเพิ่ม อินทรียวัตถุให้แก่ดิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพืชที่จะปลูกต่อ ๆ ไป
|
|
พืชที่ใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีที่สุดนั้น คือพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปอเทือง โสน ฯลฯ เพราะพืชตระกูลถั่วมีคุณสมบัติ พิเศษ คือที่รากมีปมเรียกว่าปมรากถั่ว ในปมเหล่านี้มีเชื้อจุลินทรีย์ จำพวก ไรโซเบียมอยู่เป็นจำนวนมาก ไรโซเบียมนี้สามารถดึงธาตุไนโตรเจนจาก อากาศมาใช้ เมื่อพืชเน่าเปื่อย ก็จะเพิ่มธาตุไนโตรเจน และอินทรีย์วัตถุ ให้แก่ดิน |
|
1. |
ปลูกง่าย เติบโต และออกดอกใน ระยะเวลาอันสั้น |
2. |
ให้น้ำหนักพืชสดสูง คือมากกว่า 2,000 กิโลกรัม |
3. |
เป็นพืชทนแล้ง ทนต่อสภาพน้ำขัง 2-3 วันได้ และสามารถปลูกได้ทุกฤดู |
4. |
มีความต้านทานโรคและแมลงได้ดี |
5. |
ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้มาก ขยายพันธุ์ได้ รวดเร็ว |
6. |
เก็บเกี่ยว ตัดสับ และไถกลบง่าย ไม่ควรเป็นเถาเลื้อยมากนัก เพราะไม่สะดวกใน การไถกลบ |
7. |
ลำต้นอ่อน เมื่อไถกลบแล้วเน่าเปื่อยผุพังเร็ว |
8. |
กำจัดง่าย หรือม่มีลักษณะกระจายพันธุ์เป็นวัชพืช |
|
1. |
พืชตระกูลถั่ว เหมาะที่จะปลูกเป็นพืช ปุ๋ยสดมากที่สุด เพราะสลายตัวเร็ว เพิ่มอาหาร พืช ให้แก่ดินได้ดี รากเก็บอาหารพืชได้มาก ปลูกง่าย โตเร็ว มีราก ใบ ลำต้นมาก พืชตระกูล ถั่วยังสามารถแบ่งตามความเหมาะสมในการ ปลูกได้ ดังนี้ |
|
1.1 |
ถั่วที่ไถกลบแล้ว เปลี่ยนเป็นปุ๋ยได้รวดเร็วขึ้นได้ในสภาพ พื้นที่ต่าง ๆ กัน เช่น ปอเทือง โสนอินดีย โสนไต้หวัน โสนคางคก ฯลฯ |
|
1.2 |
ถั่วที่ปลูกคลุมดินในสวนผลไม้ เพื่อปราบวัชพืช ต้นและใบ ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยบำรุงดิน เช่น ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า ไมยราบไร้หนามไร้หนาม คาโลโปโกเนียม ถั่วอัญชัน ถั่วกระด้าง ถั่วพร้า ฯลฯ |
|
1.3 |
ถั่วที่ให้เมล็ดและฝักเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ หลังจาก เก็บเกี่ยวแล้วไถกลบลำต้นลงไปในดิน ไม่นิยมปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดโดยตรง แต่ถ้าจะใช้เป็นปุ๋ยพืชสด ก็จะให้น้ำหนักสดต่อไร่ต่ำ เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วแดง ถั่วพรู ถั่วแขก ฯลฯ |
|
1.4 |
พืชตระกูลถั่วทรงพุ่มหรือยืนต้น นอกจากจะเป็นปุ๋ยพืชสดแล้ว ยังสามารถใช้ประโบชน์อย่างอื่นอีกด้วย เช่น กระถินยักษ์ คราม ถั่วมะแฮะ ขี้เหล็กผี ฯลฯ |
2. |
พืชอื่นนอกเหนือจากพืชตระกูลถั่ว เช่น พืชตระกูลหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่ จะให้อินทรียวัตถุแต่มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่ำกว่าพืชตระกูลถั่ว ดังนั้นจึงควร หว่านปุ๋ยที่มีไนโตรเจน เป็นองค์ประกอบในขณะที่ทำการไถกลบโดยใช้อัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่
|
3. |
พืชน้ำ เช่น ผักตบชวา จอก แหนมแดง เป็นต้น มีการใช้แหนแดง เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าว ซึ่งสามารถให้ไนโตรเจน 5-6 กิโลกรัมต่อไร่ และเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินในอัตราสูงด้วย |
|
การปลูกพืชปุ๋ยสด ควรพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ |
|
1. |
ลักษณะของดิน พืชตระกูลถั่วชนิดต่าง ๆ ขึ้นได้ดีใน สภาพดินต่างกัน ฉะนั้นก่อนปลูกต้องปรับปรุงสภาพของดินให้เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นดินเปรี้ยว ควรใส่ปูน ดินทรายควรใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กก.ต่อไร่ หว่านเป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก |
|
2. |
เวลาและฤดูกาลที่ปลูก เวลาที่เหมาะที่สุด คือ ต้นฤดูฝน หรือ หลังเก็บเกี่ยวพืช ดินยังมีความชื้นอยู่ หรือปลูกก่อนการปลูกพืชหรือปักดำ ประมาณ 3 เดือน ช่วงปลายฤดูฝนก็ปลูกได้ถ้าดินยังมีความชื้นอยู่บ้าง |
|
3. |
วิธีการปลูก มี 3 วิธีคือ ปลูกแบบโรยเมล็ดเป็นแถว หยอดเป็น หลุม และหว่านเมล็ดลงทั่วแปลง ส่วนใหญ่นิยมวิธีหว่านเมล็ด ซึ่งสะดวกและ ประหยัดแรงงาน ควรไถดะก่อนการหว่านเมล็ด แล้วคราดกลบเมล็ด ถ้าเมล็ด พืชมีขนาดใหญ่ ต้องคราดกลบให้ลึกพอควรจะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น
อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด |
น้ำหนัก (กิโลกรัม) ต่อ 1 |
ปอเทือง โสนอินเดีย โสนคางคก ถั่วพร้า ถั่วเขียว |
5 |
ถั่วเหลือง ถั่วพุ่ม ถั่วข้าว ถั่วลาย ถั่วเสี้ยนป่า |
8 |
ไมยราบไร้หนาม คาโลโปเนียม |
2 |
โสนไต้หวัน |
4 |
ถั่วขอ |
10 |
อัญชัน |
3 |
1. |
ปลูกในพื้นที่แปลงใหญ่ แล้วตัดสับและไถกลบ ก่อนปลูกพืชหลัก |
2. |
ปลูกแซมระหว่างร่องพืชหลัก โดยปลูกพืชปุ๋ยสดหลังจากพืชหลัก โตเต็มที่แล้ว เพื่อป้องกันการแย่งธาตุอาหารในดิน เมื่อพืชปุ๋ยสดเริ่มออกดอก จนถึงดอกบานก็ทำการตัดสับและไถกลบลงไปในร่อง |
3. |
ปลูกพืชปุ๋ยสดในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า หรือตามหัวไร่ปลายนา แล้วตัดสับเอาส่วนของพืชปุ๋ยสดนั้นมาใส่ในแปลงพืชหลักไถกลบ |
|
|
การตัดสับและไถกลบปุ๋ยพืชสด
การตัดสับและไถกลบต้องพิจารณาอายุของพืชเป็นสำคัญ พืชปุ๋ยสด จะมีปริมาณธาตุไนโตรเจน และน้าหนักพืชสดสูงสุด เมื่อเริ่มออกดอกจนถึง ดอกบานเต็มที่ จึงควรทำการตัดสับและไถกลบในช่วงนี้ ทั้งยังเป็นช่วงที่พืช สลายตัวได้เร็ว ถ้าอายุของพืชเกินช่วงนี้ไป ปริมาณธาตุไนโตรเจนจะลดลง พืชปุ๋ยสดส่วนมากสามารถทำการตัดสับ และไถกลบได้เมื่อมีอายุ ระหว่าง 50-90 วัน
พืชปุ๋ยสดชนิดที่ลำต้นเตี้ย ให้ทำการไถยกลบด้วยแรงงานสัตว์ แต่ถ้าพืชมีลำต้นสูง หรือเป็นเถาเลื้ย ควรตัดให้ติดผิวดิน และขาดเป็นท่อน ๆ แล้วจึงเลื้อย ควรตัดให้ติดผิวดิน และขาดเป็นท่อน ๆ แล้วจึงไถกลบ พืชจะเริ่มเน่าเปื่อย ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ ก็จะกลายเป็นปุ๋ย ทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและอายุของพืช สภาพอากาศและความชื้นในดินด้วย |
1. |
เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุและธาตุไนโตรเจนให้แก่ดิน |
2. |
บำรุงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน |
3. |
รักษาความชุ่มชื้นให้ดิน และช่วยให้ดินอุ้มน้าดีขึ้น |
4. |
ลดการสูญเสียหน้าดินอันเกิดจากการชะล้าง |
5. |
ทำให้ดินร่วนซุย สะดวกในการเตรียมดินและไถพรวน |
6. |
ปราบวัชพืชบางชนิดได้ |
7. |
กรดที่เกิดจากการเน่าเปื่อยผุพังช่วยละลายธาตุอาหาร ในดินให้แก่พืชได้มากยิ่งขึ้น |
8. |
ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงลงได้บ้าง |
9. |
เพิ่มผลผลิตของพืชให้สูงขึ้น |
|