เนื่องจากดินเปรี้ยวจัดมีข้อจำกัดที่สำคัญ  คือ  ความเป็นกรดจัดของดิน   ความเป็นพิษของธาตุบางชนิดที่ละลายออกมามากและสภาพการขาดธาตุอาหารไนโตรเจน  และฟอสฟอรัส   ดังนั้น  การที่จะเพิ่มผลผลิตพืชที่ปลูกในดินเปรี้ยวจัดให้สูงขึ้นจะต้องปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสมก่อน  โดยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

ยับยั้งความเป็นกรดของดินไม่ให้เพิ่มขึ้น

การชะล้าง

การชะล้างเกลือในดินด้วยน้ำจืด

การใช้ปุ๋ยอินทรีย์

          ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก คือ ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการขับถ่ายของสัตว์ที่ ผ่านกระบวนการหมักแล้วบางส่วนหรือทั้งหมดปุ๋ยหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากกิจกรรมของ จุลินทรีย์หลายชนิดในการย่อยสลายสารอินทรีย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเศษพืช หรือเศษวัสดุเหลือใช้ต่างๆ การใช้ปุ๋ยหมักเป็นการเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุให้แก่ดิน และปุ๋ยหมักจะช่วยลดปริมาณอลูมินัมที่เป็นพิษใน ดินได้  เนื่องจากทำปฏิกิริยากับอลูมินัมเกิดเป็นสารประกอบเชิงซ้อน   นอกจากนั้นปุ๋ยหมักช่วยปรับสภาพ ทางกายภาพของดินเปรี้ยวจัดให้เหมาะสมกับการปลูกพืช ปุ๋ยพืชสด  คือ  ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการไถกลบพืชที่ยังสดอยู่ลงดิน หรือปลูก พืชบางชนิดให้เจริญเติบโตถึงระยะที่พืชเริ่มออกดอกจนกระทั่งดอกบานเต็มที่จึงไถกลบลงไปในดิน  ผ่าน ขบวนการย่อยสลายแบบสมบูรณ์โดยจุลินทรีย์ในดิน ก็เป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุและความอุดมสมบูรณ์แก่ ดิน โดยเฉพาะความเป็นประโยชน์ของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ปุ๋ยพืชสดยังประกอบด้วยธาตุอื่น ๆ  เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุอาหารเสริม  (จุลธาตุ)  นอกจากนี้การใช้ปุ๋ยพืชสดในระยะยาวยัง เป็นการช่วยปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน ถ้าดินเดิมเป็นดินเหนียวแน่นทึบระบายน้ำยากก็จะร่วนซุยมี การดูดซับน้ำเพิ่มขึ้น  และระบายน้ำได้ดีขึ้น  ทำให้สามารถปลูกพืชชนิดอื่นที่ต้องการดินที่มีสมบัติทางกาย ภาพแตกต่างตรงกันข้ามกับข้าว สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงขึ้น  ถ้านำพืชชนิดนั้นมาปลูกทดแทน การปลูกข้าว  หรือปลูกหลังการเก็บเกี่ยวข้าวและโดยเฉพาะในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดซึ่งเป็นดินนามีสภาพพื้นที่ เหมาะสมที่จะปลูกข้าว  แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวเนื่อง จากราคาที่ดินเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น  การปลูกข้าวแต่เพียงอย่างเดียวให้ผลตอบแทนไม่คุ้มต้นทุนการผลิตทำให้ จำเป็นต้องปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมในการปลูกพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่พืชต่าง    ๆ      เหล่านี้ ต้องการดินที่มีความร่วนซุยมีการระบายน้ำและอากาศที่ดี

     นอกจากการปรับปรุงดินด้วยการใช้ปูนและปุ๋ยให้ เหมาะสมกับพืชเป็นการลดความรุนแรงของกรดลงได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อระบบรากและการเจริญ เติบโตและผลผลิตของพืชแล้ว   การใช้ปุ๋ยพืชสดในดินเปรี้ยวจัดจะช่วยยับยั้งอันตราย อันเนื่องมาจากความ เป็นพิษของอลูมินั่มซึ่งมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชโดยตรง  เนื่องจากปุ๋ยพืชสดเมื่อสลาย ตัวแล้วเกิดเป็นสารอินทรีย์ซึ่งจะไปยึดหรือทำปฏิกิริยาในลักษณะเชิงซ้อนกับอลูมินั่มที่เป็นอิสระ  เกิดเป็น สารประกอบเชิงซ้อนทำให้อลูมินั่มอิสระที่อยู่ในดินลดลงและไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูก และถ้าเราสามารถเลือกปลูกพืชตระกูลถั่ว  เช่น    ถั่วเหลือง   ถั่วเขียว  ถั่วพุ่ม  หรือพืชตระกูลถั่วบางชนิด ที่ให้ผลผลิตได้ด้วยและไถซากต้นพืชเหล่านั้นก็จะทำให้สมบัติของดินดีขึ้นตามลำดับ  ซึ่งเป็นการลดปริมาณ วัสดุปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดหรือปูนมาร์ล ทำให้ลดต้นทุนการผลิตต่อพื้นที่ลงได้ ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หมายถึง  ปุ๋ยอินทรีย์น้ำในรูปของเหลวที่ได้มาจากการย่อยสลายวัสดุ เหลือใช้จากพืชหรือสัตว์ลักษณะสดหรืออวบน้ำได้เป็นของเหลวออกมาจากเซลล์พืชหรือสัตว์  ผลิตภัณฑ์ที่ ได้มีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลซึ่งประกอบด้วย  คาร์โบไฮเดรท   กรดอินทรีย์  กรดอะมิโน  กรดฮิวมิก น้ำย่อย   วิตามิน    ฮอร์โมนและแร่ธาตุหรือสารเสริมการเจริญเติบโตหลายชนิด โดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจนเป็นส่วนใหญ่ โดยประโยชน์จากปุ๋ยอินทรีย์น้ำนั้นมีมากมายอาทิ เช่น มีผลเพิ่มอัตราการเจริญของจุลินทรีย์เป็นประโยชน์ในดินแต่ละชนิด ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพสมบัติทางชีวเคมี และ กายภาพของดิน มีผลต่อการเร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช โดยพบว่าในปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีส่วนประกอบของฮอร์โมน กรดอินทรีย์ และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลต่อการกระตุ้นการงอกของเมล็ดทำให้เมล็ดมีการงอกได้เร็วขึ้นเนื่องจากปุ๋ยอินทรีย์น้ำมีองค์ประกอบของฮอร์โมนออกซินและจิบเบอร์เรลลิน

การใส่ปูน

    การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดโดยการใส่ปูนเป็นวิธีที่สะดวก และสามารถปรับ pH ของดินให้สูงขึ้น ที่ได้ผลรวดเร็ววิธีหนึ่ง กรมพัฒนาที่ได้จัดทำโครงการพัฒนาที่พื้นที่ดินเปรี้ยวจัดตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 6 เป็นต้นมา มีหน้าที่ดำเนินการค้นคว้าวิจัยเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยวจัด ได้แนะนำให้เกษตรกรในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ใช้ปูนมาร์ล อัตรา 1-2 ตันต่อไร่ เพื่อลดความรุนแรงของดินเปรี้ยวจัด เช่น ในชุดดินองครักษ์ ชุดดินรังสิตกรดจัด หรือชุดดินมูโน๊ะ เป็นต้น ผลการใช้ปูนนอกจากจะทำให้ความเป็นพิษของสารต่างๆ ลดน้อยลงไปแล้ว การใส่ปูนยังเป็นการช่วยเพิ่มธาตุอาหารบางชนิดให้แก่พืชอีกด้วย ปูนนอกจากจะให้ธาตุแคลเซียมแก่พืชแล้ว ยังช่วยป้องกันพิษของอลูมินัมและเหล็ก โดยการทำให้เกิดการตกตะกอนและช่วยเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสอยู่ในสารละลายดินและเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ก็คืออัตราปูนที่ใช้ในการปรับระดับ pH ของดินให้อยู่ในช่วง 5-6 นอกจากนั้นปูนที่ใส่ในดินนาน้ำขังยังช่วยเพิ่มการแปรสภาพของสารประกอบอินทรีย์ไนโตรเจนในดิน และทำให้ดินสามารถปลดปล่อยไนโตรเจนในรูปแอมโมเนียให้ข้าวได้ใช้ประโยชน์ ในช่วง 14 วันแรกของการขังน้ำ จากวิธีการจัดการด้านดินวิธีต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว สรุปได้ว่าการใส่ปูนในดินเปรี้ยวจัดทำให้ pH ของดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไปลดความเข้มข้นของเหล็กและอลูมินัม ในสารละลายดินให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นพิษต่อพืช เป็นผลทำให้น้ำหนักแห้งตอซังและน้ำหนักเมล็ดดี  มีค่าสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการใส่ปูนไม่สามารถจะลดความเป็นพิษของเหล็กได้อย่างถาวรเพียงแค่ลดความรุนแรงลงเท่านั้น โดยเฉพาะในดินเปรี้ยวจัดมี active Mn ต่ำ (0.0011-0.01เปอร์เซ็นต์) แต่กำจัดความเป็นพิษของอลูมินัมอย่างแท้จริง การใส่ปูนเป็นวิธีที่ง่าย แต่ปฏิบัติค่อนข้างยากสำหรับพื้นที่แปลงซึ่งมีขนาดใหญ่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ปูนเป็นปริมาณมากประมาณ 1-2 ตันต่อไร่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของกรดในดิน  ปูนที่แนะนำให้ใช้ควรเป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นและราคาไม่แพงการขนส่งไม่ไกลเกินไปนัก ยกตัวอย่างในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดภาคกลาง สมควรใช้ปูนมาร์ล ซึ่งเป็นวัสดุปูนธรรมชาติชนิดหนึ่ง พบมากในเขตจังหวัดลพบุรี และสระบุรี ส่วนในบริเวณอื่นๆ เช่น ภาคใต้ ควรใช้หินปูนฝุ่น หรือหินปูนกรด ซึ่งเป็นเศษหินปูนที่เหลือค้างหลังจากโรงโม่หินเอาหินปูนขนาดต่างๆไปใช้ประโยชน์แล้ว อย่างไรก็ตามการใช้ปูนเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการควบคุมระดับน้ำใต้ดิน เช่น ในพื้นที่เกษตรน้ำฝนจำเป็นต้องใช้ปูนเป็นประจำ ประมาณ 4-5 ปีต่อครั้ง แล้วแต่ความรุนแรงของกรดที่เกิดขึ้นในดินเรื่องนี้มักจะเป็นปัญหาในการปฏิบัติ เนื่องจากการนำปูนจำนวนมากๆ ไปใส่ในไร่นาเป็นงานหนักและต้องใช้แรงงานมากและเสียค่าหว่านกระจายมากแต่ทั้งนี้อาจแก้ไขโดยการใช้เครื่องหว่านปูนพ่วงติดท้ายรถแทรกเตอร์ แล้วนำไปหว่านก่อนไถแปร