M13

ลักษณะดินและสมบัติของดิน
ดินตื้นหรือตื้นมาก  เกิดจากตะกอนน้ำที่ถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมบนชั้นลูกรัง  ก้อนกรวด  หรือเศษหิน  พบในพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างเรียบ เนื้อดินเป็นดินร่วนหรือดินเหนียวที่มีลูกรังหรือก้อนกรวดปะปนในปริมาณมากกว่าร้อยละ  35  โดยปริมาตร  ภายในช่วงความลึก  50  ซม.  จากผิวดิน  การระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว  ดินบนสีน้ำตาล  หรือสีเทา  ดินล่างสีเทา  มีจุดประสีเหลือง  สีน้ำตาล  หรือสีแดง  มักพบศิลาแลงอ่อนในชั้นดินล่าง  ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ  ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดปานกลางและมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน

ชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้  ได้แก่  ชุดดินกันตัง  (Kat)  ชุดดินอ้น  (On)  ชุดดินเพ็ญ  (Pen)  ชุดดินพะยอมงาม  (Pym)   ชุดดินสะท้อน  (Stn)   ชุดดินทุ่งค่าย  (Tuk)  และชุดดินย่านตาขาว  (Yk) 

ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
มีชั้นลูกรังอยู่ตื้นและเป็นชั้นหนา  เป็นอุปสรรคต่อการไถพรวนและการชอนไชรากของพืช  ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ  ขาดแคลนน้ำนาน

ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช
ดินในกลุ่มนี้เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว  แต่มีข้อจำกัดปานกลางที่มีชั้นลูกรังหรือก้อนกรวดอยู่ตื้น ไม่เหมาะสำหรับการปลูกพืชไร่  พืชผัก  หรือไม้ผลอย่างถาวร  เนื่องจากเป็นดินตื้นและมีน้ำท่วมขังนานในฤดูฝน  ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงในการดัดแปลงพื้นที่และปรับปรุงดิน

แนวทางการจัดการดิน

ปลูกข้าว
เลือกพื้นที่เพาะปลูกที่มีหน้าดินหนามากกว่า  25  ซม.  และไม่มีก้อนกรวดลูกรัง  หรือเศษหินกระจัดกระจายอยู่ที่ผิวดินมาก
เตรียมพื้นที่ปลูกโดย  ไถกลบตอซัง  ปล่อยทิ้งไว้   3-4  สัปดาห์  หรือหว่านเมล็ดพันธุ์ปุ๋ยพืชสด  โสนอัฟริกันหรือโสนอินเดียอัตรา  6-8  กก./ไร่  ไถกลบเมื่ออายุ  50-70  วัน  ปล่อยทิ้งไว้   1-2  สัปดาห์  หรือปุ๋ยคอก  อัตรา  3-4  ตัน./ไร่  แล้วปลูกข้าว 

ใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ  พด.2  ร่วมกับ  การใช้ปุ๋ยเคมี  16-16-8  อัตรา  30-40 กก./ไร่  ร่วมกับปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์  อัตรา   5-7  กก./ไร่  ในช่วงปักดำ  และใส่ปุ๋ยยูเรียหลังปักดำ  35-40  วัน 
พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการให้น้ำไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำหรือใช้ทำนาครั้งที่  2  ปลูกพืชไร่  พืชผักหรือพืชตระกูลถั่ว  หลังเก็บเกี่ยวข้าว

การปลูกพืชไร่  พืชผัก  ไม้ผล  หรือไม้ยืนต้น
ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะดัดแปลงพื้นที่  เพื่อปลูกพืชไร่  พืชผักหรือไม้ผลอย่างถาวร  เนื่องจากเป็นดินตื้นและมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน  แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรเลือกใช้พื้นที่มีหน้าดินหนามากกว่า  25  ซม.  และปรับสภาพพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในฤดูฝนโดยการยกร่องแบบถาวร  ให้มีสันร่องกว้าง  6-8  เมตร  ตามชนิดพืชที่ปลูก  โดยให้สันร่องสูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมถึง  หรือสร้างคันดินอัดแน่นล้อมรอบ  มีคูระบายน้ำกว้าง  1 – 1.5  เมตร  ลึก  0.5 – 1 เมตร     ( กรณีปลูกพืชไร่พืชผักเฉพาะช่วงก่อนหรือปลูกข้าว  ควรยกร่องแบบเตี้ยหรือทำร่องระบายน้ำระหว่างแปลง ) 
ปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ  เช่น  การไถกลบพืชปุ๋ยสด  ปอเทืองอัตรา 6 – 8 กก./ไร่  ถั่วพุ่มอัตรา  8 – 10 กก./ไร่  หรือถั่วพร้าอัตรา   10 – 12 กก./ไร่  ไถกลบเมื่ออายุ  50 – 70 วันหลังปลูกหรือออกดอก  50 เปอร์เซนต์  ปล่อยทิ้งไว้  1 – 2 สัปดาห์  หรือไถกลบปุ๋ยหมัก  หรือปุ๋ยคอกอัตรา  2 – 3  ตัน/ไร่  ถ้าปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น  ควรขุดหลุมปลูกขนาด   75x75x75  ซม.  ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา  35 – 50กก./หลุม  ปล่อยทิ้งไว้  1 – 2 สัปดาห์  ก่อนปลูกพืช 
ใส่ปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก  ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำพด.2  และผลิตภัณฑ์สารเร่ง  พด.3  พด.7
พัฒนาแหล่งน้ำ  และระบบการให้น้ำในแปลงปลูกพืช  ไว้ใช้ในช่วงที่พืชขาดน้ำ